ไทยโซนสีแดงไวรัสซิกา คร.เฝ้าระวังเข้ม

  • 11 พ.ค. 2563
  • 921
หางาน,สมัครงาน,งาน,ไทยโซนสีแดงไวรัสซิกา คร.เฝ้าระวังเข้ม

 

ยุโรปจัดไทยพื้นที่สีแดงโรคซิกา กรมควบคุมโรคแจงระบบเฝ้าระวังดี ส่งตรวจห้องแล็บมาก จึงมีข้อมูลรายงานมาก ชี้เพื่อนบ้านพบน้อยอาจเพราะไม่มีข้อมูล ยันสถานการณ์ไม่ต่างจากเพื่อนบ้านอาเซียน ชี้ศึกษาเชิงลึกหาความเชื่อมโยงเด็กแรกคลอดศีรษะเล็ก

นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหภาพยุโรปจำแนกสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสซิกา โดยไทยอยู่ในระดับสีแดง หมายถึงมีการแพร่กระจายในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับประเทศในแถบอเมริกาใต้ นับเป็นประเทศที่น่ากังวลที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ว่า การจำแนกสถานการณ์ของโรคพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น มีข้อมูลรายงานหรือไม่ อย่างไร ไม่ใช่เฉพาะจำนวนผู้ป่วยที่พบเท่านั้น  ซึ่งสถานการณ์ของโรคซิกาในไทยจากมุมมองของคนที่ทำงานด้านสุขภาพ ระบุว่า การที่ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยมากกว่าทุกปีและพบมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค เนื่องจากไทยมีระบบการตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ที่ดีกว่าหลายๆ ประเทศ ทำให้สามารถรายงานกรณีพบผู้ป่วยได้มากกว่าประเทศอื่น ซึ่งอาจจะไม่ได้รายงานการพบผู้ป่วย หรือไม่มีข้อมูล เพราะไม่ได้มีการตรวจยืนยันทางห้องแล็บ จึงอยากให้ยึดรายงานขององค์การอนามัยโลกเป็นหลัก ซึ่งยังไม่ได้ประกาศให้ประเทศใดห้ามเดินทางท่องเที่ยวเนื่องจากการระบาดของโรคซิกา

 “สถานการณ์โรคของไทยไม่ได้แตกต่างจากประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งปีก่อนๆ ไทยพบเฉลี่ย 1-2 รายต่อปี แต่ปีนี้พบมากกว่าทุกปี เป็นผลจากนโยบายในการเฝ้าระวังโรค ที่ให้มีการสอบสวนโรคทุกครั้ง ทุกกรณีที่มีผู้ป่วยเข้าข่ายต้องสงสัย จะดำเนินการจนครบกระบวนกานทางระบาดวิทยา โดยหากมีรายงานผู้ป่วยจะส่งทีมนักระบาดวิทยาลงพื้นที่ทันทีเพื่อตรวจและสอบสวนโรค ที่สำคัญผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยก็จะส่งห้องแล็บเพื่อตรวจหาเชื้อด้วย แม้ค่าส่งตรวจจะแพงราว 2,000 บาทต่อราย” อธิบดี คร.กล่าว

นพ.อำนวย กล่าวว่า จากการศึกษาย้อนหลัง 5 ปีจากสิ่งส่งตรงของผู้ป่วยซิกาเดิมที่มีการเก็บไว้ในคลังจากที่พบผู้ป่วยในไทยเฉลี่ยปีละ 1-2 ราย ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าน่าจะมีผู้ป่วยมากกว่าที่มีรายงานผู้ป่วย เพื่อศึกษาดูว่าสถานการณ์ของโรคเป็นอย่างไร สำหรับกรณีหญิงตั้งครรภ์ที่ป่วยมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยติดตามหญิงตั้งครรภ์ทุกรายที่อยู่ในพื้นที่พบโรค แต่ยังไม่พบว่าหญิงท้องที่อยู่ในพื้นที่เจอโรคมีการคลอดทารกที่มีศีรษะเล็กจากโรคซิกา แต่มีรายงานพบเด็กศีรษะเล็ก แต่อาจจะไม่ได้มีสาเหตุจากโรคซิกาเพียงอย่างเดียว ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาวิเคราะห์เพื่อหาความเชื่อมโยงกับโรคซิกาว่ามีเหตุโยงกันหรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้ กรมได้มีการตั้งคณะกรรมการศึกษาเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องและร่วมมือกับศูนย์ควบคุม ป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา ในการศึกษาเจาะลึกเรื่องนี้ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายเพิ่มเติมต่อไป

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top